จากนั้นได้มีการทำพิธีลงนามในหนังสือส่งมอบหน้าที่ และมีการมอบธง และตราประจำตำแหน่ง ให้กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ซึ่งจะเป็น ผบ.ตร. คนที่ 13 พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ โดยระบุว่า ผมขอแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ ซึ่งท่านได้แสดงผลงานดีเด่นให้ประจักษ์ต่อสายตามาโดยตลอด จึงเชื่อมั่นว่า ผบ.ตร. ท่านใหม่ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ ของ ผบ.ตร. และเป็นผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี และสัมฤทธิ์ผล เป็นประโยชน์แก่ทางราชการสืบไป
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า นับเป็นเกียรติยศและเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุดแก่ชีวิต อย่างหาที่สุดมิได้ และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น ที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. และขอเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ทั้งจักปฏิบัติงานสนองพระราชปณิธาน ตามพระปฐมบรมราชโองการ
และขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ซึ่งท่านเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ ที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตนขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะทุ่มเทแรงกายแรงใจ ตลอดจนสติปัญญาในการปฎิบัติหน้าที่ อย่างสุดกำลังความสามารถ และจะปฎิบัติหน้าที่โดยยึดหลักนิติธรรม และคุณธรรม ตามครรลองแห่งกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ของทางราชการ ตลอดจนขนบธรรมเนียมที่ดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและสังคมโดยรวม
จากนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ได้เดินออกจากห้องศรียานนท์ และเดินลงบันได มายังหน้าอาคาร 1 ระหว่างทางมี ชุดสยบไพรี และบูรพา 491 ตั้งแถวทำซุ้มปืนเพื่อให้เกียรติ “บิ๊กปั๊ด” ซึ่งเป็นเสมือนครูบาอาจารย์งานสืบสวนเดินลอดผ่าน ตลอดทางมีตำรวจทั้งชายหญิงยืนตั้งแถวพร้อมกับถือดอกกุหลาบมอบให้กับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ระหว่างทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ได้สวมกอดกับเพื่อนพี่น้องข้าราชการตำรวจ บรรยากาศเป็นไปด้วยความตื้นตัน ก่อนที่จะขึ้นรถออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปอย่างสมเกียรติ
ภายหลัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ เป็นต้นแบบในหลายๆ ด้านของตน ซึ่งยากจะให้ใครเทียบได้ สมควรยึดถือเป็นแบบอย่าง และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับวิธีคิด และแนวทางที่เป็นของตนให้ได้มากที่สุด และเชื่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ จะอยู่ในใจของตำรวจ และประชาชนทั้งประเทศตลอดไป