ตรวจสอบการร้องเรียน
การขุดทรายในพื้นที่ปล่อยน้ำล้างทรายลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติและมีการรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้
ตามนโยบายการขับเคลื่อนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ของนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เน้นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมพิเศษไว้ 5 ด้าน โดยเน้นการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจร การกระทำความผิด โดยอาศัยมาตรการทางอาญาตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยนั้น
กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้รับมอบหมายให้สืบสวน กรณี มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลลักลอบขุดทรายและแต่งแร่ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะเขตพื้นที่ป่า อันเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 โดยรับเป็นเรื่องสืบสวนที่ 37/2565
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้สั่งการให้ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกำกับดูแลกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค มอบหมายให้ นายวรพจน์ ไม้หอม รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ร่วมกับเรืออากาศตรี กิตติคม คงสมโภชน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 2 พร้อมด้วยนายตฤณ พิชิตกุญชร ผู้อำนวยการส่วนกลั่นกรองและการข่าวคดีพิเศษภาค และคณะพนักงานสืบสวนบูรณาการการทำงานกับนายวิเชียร ทองด้วง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการท่าทรายในพื้นที่ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
เพื่อตรวจสอบ กรณี การดำเนินกิจการดังกล่าวได้รับอนุญาต และได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อห้ามข้อบังคับตามที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ประกอบกับในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำหลากตามธรรมชาติทำให้น้ำล้างทรายไหลลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ ทำให้น้ำขุ่นไม่สามารถนำมาอุปโภคบริโภคได้ ซึ่งผลการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีผู้ประกอบการ จำนวน 1 ราย นำเครื่องจักรไปดำเนินการขุดทรายนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต อันเข้าลักษณะการกระทำความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ซึ่งห้ามมิให้ผู้ได้รับอนุญาตขยายโรงงาน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต
กรณีดังกล่าวอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง จะดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมาย โดยยังพบว่าพื้นที่ที่มีการดำเนินกิจการรุกล้ำ เข้าไปในแนวเขตของพื้นที่ป่าไม้บางส่วน และมีการถมถนนขวางลำน้ำสาธารณประโยชน์ (คลองหลอด) ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดและประสานหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
นอกจากนี้ จากการข่าวพบว่ามีการประกอบกิจการดังกล่าวมีกลุ่มนายทุนและนักการเมืองเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนจะเร่งดำเนินการตรวจติดตามและขยายผล ทั้งนี้ หากพบว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ก็จะได้ดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ต่อไป