เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันที่ 24 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานที่บริเวณติดริมถนนสายในหมู่บ้านติดกับเชิงเขา บ้านอีพุ่งใหญ่ หมู่ 4 วัดพุ่มบำเพ็ญธรรม ตำบลเจ้าวัด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี หลังทราบข่าวจากชาวบ้านว่ามีเมรุเผาผีสร้างด้วยลายรากไม้แปลก และประหยัดงบประมาณ ซึ่งในจังหวัดอุทัยธานียังไม่มีใครเคยเห็น ซึ่งสร้างความแปลก ทำให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาถนนเส้นนี้ ต้องจอดรถถ่ายภาพกัน จึงได้เข้าสอบถามกับพระอธิการฤทธิรงค์ อตฺตทีโป อายุ53 ปี ได้เปิดเผยว่า เมรุเผาผีแห่งนี้เจ้าอาวาสองค์ก่อนหน้านี้ ได้สร้างเมรุดังกล่าว มา10 กว่าปีแล้ว โดยคนสร้างนั้นออกแบบด้วยลายรากไม้ที่ถูกเผาไหม้ โครงสร้าง สร้างด้วยปูน ติดอยู่ริมถนนหมู่บ้านที่สัญจรไปมา
ซึ่งก่อนหน้านี้ ท่านเจ้าอาวาสองค์เก่าได้เสียชีวิตลง เมื่อครั้งแรกภายในวัด ก็สร้างเมรุที่เป็นช่อฟ้ามีลายไทย แต่ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ว่ามีการเผาศพครั้งสุดท้ายในระหว่างที่ทำพิธีนั้นสัปเหร่อลืมเปิดปล่องเมรุเผาผี ก็ทำการเผาไปแล้วปรากฏว่าเมรุมันแตก แล้วทางเจ้าอาวาสท่านเก่าก็เลยมีตำหนิมากอยากจะย้ายเมรุไปอยู่เขตที่ข้างนอก เวลาจัดพิธีต่างๆทางศาสนารวมถึงกิจกรรม จะได้ไม่รบกวนภายในวัด ท่านก็เลยได้สร้างเมรุดังกล่าวขึ้นมา โดยใช้หลักของการสังเวชธรรม เมื่อเราเสียชีวิตไปแล้ว ร่างกายสังขารเนี่ยหาใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่หากไม้เมื่อมันตายแล้วถึง เราก็ยังเอามาใช้ประโยชน์เป็นฝืนเป็นถ่านให้ประโยชน์ในการเผาไหม้ได้
จากการสอบถามชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่ หรือชาวบ้านที่สัญจรไปมา ที่เส้นถนนหน้าเมรุเผาผีดังกล่าว ก็เคยพบเห็นพวกวิญญาณหลายครั้ง หรือเป็นหญิงที่เสียชีวิต จากการตายท้องกลม แล้วไม่มีญาติ มานั่งอยู่ที่บันไดที่เมรุ เหมือนคล้ายว่าวิญญาน ยังไม่รู้ตัว ไม่รู้จะไปทางไหน แต่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ เนื่องจากเมรุเผาผีก็ได้เผาคนที่เสียชีวิตไปมากมาย ซึ่งก็จะมีอยู่ทั่วไปดังกล่าว
เสียงสัมภาษณ์พระอธิการฤทธิรงค์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
/////////////////////
นายพชร พัสกุล จ.อุทัยธานี
