ร้อง ผญบ.ยักยอกเงินหมู่บ้านเกือบ 10 ปี ทิ้งหนี้กว่า 3 ล้าน ให้ชาวบ้านชดใช้จนบ้านจะถูกยึด

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวบ้าน เข้าร้องเรียนผ่านทีมข่าวและสมาคมนักข่าวสื่อมวลชน จ.ชัยภูมิ ให้ช่วยประสานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ เพื่อขอความเป็นธรรมหลังถูกยึดบ้านบังคับคดีขาย และยังต้องมีหนี้ผูกพันตามมาอีกจำนวนมากกว่า 3,340,000 บาท จากการดำเนินงานของผู้ใหญ่บ้าน (ผญบ.) รายหนึ่ง ใน ต.กุดตุ้ม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ที่เคยเป็นอดีตประธานกองทุนหมู่บ้าน ได้มีการดำเนินงานให้คณะกรรมการหมู่บ้าน เข้ามาร่วมเป็นกรรมการและหลอกชาวบ้านให้รับรองเอกสารหลักฐาน เพื่อนำไปกู้กับธนาคารออมสินแต่กลับมีการนำเงินไปใช้โดยมิชอบ มาตั้งแต่ปี 2557 จนปัจจุบัน

จนเกิดปัญหามีหนี้สินภาระผูกพันตามมาตกกับชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก และมีชาวบ้านที่เข้าไปร่วมเป็นกรรมการกว่า 5 คน ถูกหลอกให้รับรองเอกสารโดยมิชอบ ให้ผู้ใหญ่บ้านรายนี้ ที่ในปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านดังกล่าวอยู่ในปัจจุบัน

ที่ชาวบ้านจำนวนมากต้องกลายมาเป็นลูกหนี้ร่วมกับผู้ใหญ่บ้านรายนี้ดำเนินการ จากการถูกธนาคารฟ้องให้ร่วมรับผิดชอบในการดำเนินการไปกู้เงินจากธนาคารมาร่วมกว่า 3 ล้านบาท และถูกดำเนินคดีถูกยึดบ้านแล้ว 1 รายและต่อจากนี้ไป ไม่รู้จะไปพึ่งหาความยุติธรรมจากหน่วยงานไหนได้แล้ว จึงอยากขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนผ่านไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อการกระทำของบุคคลที่ยังเป็นผู้ใหญ่บ้านรายนี้ในขณะนี้ด้วย ที่ไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเลย

ทั้งที่ผ่านมาทั้งการดำเนินการกู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เคยกู้ยืมไปก็นำมาส่งคืนให้แล้ว แต่ผู้ใหญ่บ้านรายนี้ไม่นำเงินไปส่งคืนกองทุน และบางส่วนก็ยังถูกแอบอ้างนำชื่อไปใช้เบิกจ่ายไปกู้ยืมโดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่อง ทั้งเงินกู้ที่แอบอ้างไปกู้เงินจากธนาคารมาทั้งหมดร่วมกว่า 3 ครั้ง รวมกว่า 3,340,000 บาท โดยอ้างการดำเนินการรูปแบบของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านไม่เคยรับทราบและชี้แจงรายละเอียดใดๆ เลย

แต่ก็ต้องมารับภาระใช้หนี้แทนให้กับผู้ใหญ่บ้านรายนี้ รวมทั้งมีการนำเงินไปใช้ส่วนตัว จนมาปัจจุบันไม่มีการออกมาแสดงความรับผิดชอบ ปล่อยให้ชาวบ้านต้องมารับภาระแทนต้องเป็นผู้ใช้หนี้สินแทนในการดำเนินการของผู้ใหญ่บ้านรายนี้ที่เกิดขึ้นมาจนปัจจุบันนับหลายล้านบาท

ซึ่งตัวแทนชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ล่าสุดต้องถูกยึดบ้านขายทอดตลาด ใช้หนี้ดังกล่าวแทน ผญบ.รายนี้ ไปแล้ว 1 ราย กล่าวว่า หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าถ้ากรรมการกองทุนหมู่บ้านทั้งหมด รวมทั้งชาวบ้านเคยกู้และนำเงินไปคืนให้กับ ผญบ.รายนี้แล้วแต่ไม่นำเงินไปคืนให้กับธนาคาร ต้องมารับกรรมแทน ต้องวิ่งไปหาเงินมาส่งใช้หนี้ให้กับธนาคารเองในปัจจุบัน ถ้าไม่จ่ายที่ดิน ที่ทำกินไร่นา บ้านช่องที่มีอยู่ในปัจจุบันก็จะถูกฟ้องดำเนิคดียึดตามมาต่อเนื่องอีกจำนวนมาก

ตัวแทนชาวบ้านกล่าวต่อว่า และจากการกระทำของการดำเนินงานนำเงินกู้มาของผู้ใหญ่บ้านรายนี้ไปใช้ แต่ไม่มีการเข้ามาช่วยตรวจสอบ ไม่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ยังเป็นถึงผู้นำชุมชนของตัวเองที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แต่ปัจจุบันก็ยังได้เป็นผู้นำชุมชน ที่ยังได้เป็นตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอยู่ได้ บ้านเมืองสังคมโดยรวมชาวบ้านจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร

“หากคนที่ทำผิดไม่รับผิดชอบยังลอยนวลทำเฉย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ไม่สามารถมีแนวทางมาดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้ และจะปล่อยให้ชาวบ้านต้องมาแบกภาระรับกรรมแทนต่อการกระทำของบุคคลที่เป็นผู้นำชุมชนอยู่ในขณะนี้ได้ บ้านเมืองในประเทศไทยเราจะอยู่กันได้อย่างไรต่อไป หากไม่มีแนวทางมาแก้ปัญหาในจุดนี้ได้คนทำผิดก็ยังลอยนวลอยู่ได้” ตัวแทนชาวบ้านกล่าว

ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดชัยภูมิมาแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครได้อีกแล้วและอยากฝากผ่านขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ผ่านสื่อมวลชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าหากพบการกระทำผิดแล้วไม่ดำเนินการ ยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร คงไม่ไหวแล้ว

จะต้องรอให้ชาวบ้านถูกยึดบ้าน ที่นา ที่อยู่ที่ทำกิน กันให้หมดก่อน แล้วบ้านเมืองไทยจะมีความยุติธรรมดำรงธรรม ช่วยเหลือตรวจสอบการพัฒนาประเทศในบ้านเมืองให้อยู่ต่อไปได้อย่างไร ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครได้อีกแล้ว นางทองยุ่นกล่าวทิ้งท้ายทั้งน้ำตา

ขณะที่ทางทีมข่าวและตัวแทนสมาคมนักข่าวสื่อมวลชน จ.ชัยภูมิ ได้ประสานให้ชาวบ้านได้เดินเข้ายื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อกรณีที่เกิดขึ้นที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ รับเรื่องในเบื้องต้นแล้ว พร้อมจะเร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านต่อกรณีที่เกิดขึ้นโดยเร็วต่อไป///ฅนข่าว อินทรีชัยภูมิ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *