มุกดาหาร- หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง กองทัพเรือ (นรข) ร่วมกับทางการ สปป.ลาว แถลงข่าวจับยาบ้าจำนวน 8,000,000 เม็ด และเรือกีบเพลายาว เครื่องยนต์ติดท้าย จำนวน 1 ลำ ลักลอบนำเข้าไทย ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านหว้านใหญ่ ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีไปได้
วันที 09 12 67 เวลา 15.30 น. ที่สถานีเรือมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง , นายรณรงค์ เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร, พ.ท.สีทอง เลียนสะหวัน หน.แผนกสู้รบ ปกช.แขวงสะหวันนะเขต พร้อมด้วยคณะ, น.อ.แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม , น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร, ตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร ,ด่านศุลกากรมุกดาหาร, สภ.หว้านใหญ่ , ตำรวจน้ำ, ทหารพรานที่ 2105 , กอ.รมน. , ตชด.234 ,กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และฝ่ายปกครองหว้านใหญ่ ร่วมแถลงข่าวจับยาบ้าจำนวน 8,000,000 เม็ด และเรือกีบเพลายาว เครื่องยนต์ติดท้าย จำนวน 1 ลำ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. และ น.อ.แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์ ผบ.นรข.เขตนครพนม โดย น.ท.เตชธร ฉิมพาลี รรก.หน.สน.เรือมุกดาหาร (จพง.ป.ป.ส. หมายเลข ๖๗๐๕๑๒๒) ได้รับการแจ้งเตือนจาก ขว.ทร. และการแจ้งข่าวจากสายลับ (ขอปกปิดนามและที่อยู่เพื่อหวังสินบนนำจับ) และแจ้งข่าวจากทางการ สปป.ลาว คาดว่าจะมีกลุ่มผู้กระทำความผิดลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดนในพื้นที่ อ.หว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หน.สน.เรือมุกดาหาร จึงได้ติดตาม และหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ลักลอบฯ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมกับสั่งการให้จัดชุดซุ่มเฝ้าตรวจอย่างต่อเนื่อง และประสานกับ ชปพ.ศอ.ปส.ทร.(นสร.) เพื่อบูรณาการปฏิบัติร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่ง วันที่ 8 ธ.ค. 2567 เวลา 21.45 น. ชุดซุ่มเฝ้าตรวจริมแม่น้ำโขง บริเวณหมู่ 4 บ้านหว้านใหญ่ ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ได้ตรวจพบเรือกีบเพลายาว เครื่องยนต์ติดท้าย วิ่งมาจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ ห่างจากชุดซุ่มเฝ้าตรวจประมาณ 100 เมตร และมีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมาก กำลังลำเลียงถุงกระสอบต้องสงสัย
จากนั้น เวลา 22.00 น. ชุดซุ่มเฝ้าตรวจ จึงได้เข้าแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเมื่อทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จึงอาศัยความมืด และความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ชุดซุ่มจึงได้เข้าตรวจบริเวณจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบกระสอบสีขาวบนฝั่งริมแม่น้ำโขง จำนวน 14 กระสอบ และกระสอบสีขาว บนเรือฯ จำนวน 6 กระสอบ รวมทั้งหมด จำนวน 20 กระสอบ และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รวมทั้งแจ้งหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อร่วมกันตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยนั้น ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น เป็นยาเสพติด ให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 20 กระสอบ ประมาณ 8,000,000 เม็ด และเรือกีบเพลายาว เครื่องยนต์ติดท้าย จำนวน 1 ลำ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึด และนำของกลางทั้งหมดมาที่สถานีเรือมุกดาหาร เพื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ เพื่อติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป..
พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณหน่วยงาน นรข. เป็นหน่วยปฎิบัติการหลักในการจับกุมยาเสพติด ประเภทยาบ้า 8,000,000 เม็ด เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่นี้เป็นจุดที่ 1 ขึ้นที่อำเภอหว้านใหญ่ และจุดที่ 2 ในตัวอำเภอเมืองมุกดาหารอีก 5,000,000 เม็ด เป็นของตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นผู้จับกุมหลัก ขอชื่นชมผู้ใต้บังคับบัญชา นรข.ทุกท่าน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยได้ประสานงานกันกับ กองทัพประชาชนลาว และตัวผมเองได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของกองทัพประชาชนลาวมาโดยตลอด ในวันพรุ่งนี้จะได้เข้าเยี่ยมคำนับท่านที่นครหลวงเวียงจันทน์ด้วย และวันนี้ขอบคุญคณะท่านที่มาแถลงข่าวเป็นสิ่งชี้วัดว่าทั้ง 2 ประเทศ พยายามร่วมกันในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งมีการระบาดทั้ง 2 ประเทศเช่นกัน ไม่ต่างจากประเทศไทย ซึ่งมีขบวนการใช้ทุกวิถีทางนำยาเสพติดเล็ดลอดเข้าไปสู่ตอนในประเทศไทย ส่วนหนึ่งจะกระจายไปเส้นทางจังหวัด ทางผ่าน ส่วนหนึ่งอยู่เมืองหลวง บางส่วนไปสู่ประเทศที่ 3
พล.ท. บุญสิน พาดกลาง กล่าวต่ออีกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่จับยาล๊อตใหญ่มาก 8 ล้านเม็ด บวกกับ 5 ล้านเม็ด รวม 13 ล้านเม็ด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศปัจจุบัน ขอฝากพี่น้องทุกคนให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ส่งข่าวสาร แจ้งข่าวสาร ซึ่งพวกเราชาวไทย ชาวลาว กองทัพประชาชนลาว มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารกันตลอด จนมาสู่การจับกุมในครั้งนี้ ขอบคุณกองทัพประชาชนลาว ขอบคุณกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นรข. เจ้าหน้าที่ป้องกันชายแดนทุกหน่วย ที่ป้องกันสนับสนุนการจับกุม ให้ทั้ง 2 ประเทศ ให้ยาเสพติดลดลงให้ได้ โดยบูรณาการทุกฝ่าย ฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหารทั้ง 2 ประเทศ
*************************
อนุศักดิ์ – เสาวภา แสนวิเศษ