วันศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2566
บางคนอาจบอกว่า คนเรามักไม่ค่อยจดจำเรื่องดีๆ แต่ก็ต้องบอกว่า คำกล่าวที่ว่านั้นไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะความดี และคนดีจริงๆ เท่านั้น ที่จะเป็นที่จดและจำในมโนสำนึก และบันทึกไว้ในหัวใจของคนที่รักและเคารพในความดีโดยแท้จริง
ในประเทศไทยนั้นมีสิ่งดีๆ หลายอย่าง แต่ก็มีสิ่งที่ไม่ดีหลายอย่างเช่นกัน สำหรับสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยังจดและยังจำได้ดีคือพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ที่พระราชทานโดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ รัชกาลที่ 9
ตลอดรัชสมัยแห่งการทรงราชย์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 นับจาก 9 มิถุนายน 2489 ถึง 13 ตุลาคม2559 เป็นระยะเวลารอบทั้งสิ้น 70 ปี 126 วัน เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของพระราชอาณาจักรไทย
ประเทศไทยผ่านร้อน ผ่านหนาว ประสบความทุกข์ และมีความสุขคละเคล้ากันไป แต่ทุกครั้งเมื่อแผ่นดินไทยบังเกิดความทุกข์ยากลำบากเข็ญขึ้นมาคราใด พระองค์ท่านก็ทรงช่วยบรรเทาความทุกข์ให้พสกนิกรเสมอมา แม้บ้านเมืองไทยของเราจะไม่ได้เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุด แต่คนส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่าประเทศไทยของเรายังมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้พระราชทานความอบอุ่นให้พสกนิกรเสมอมา ทรงรับเอาความเดือดร้อนต่างๆ นานาของพสกนิกรเป็นพระราชภาระ แล้วทรงปัดเบา บรรเทาทุกข์ร้อนให้คลายแล้วจางหายไปได้ทุกครา
อาจจะกล่าวได้ว่าเกือบจะไม่มีผืนดินไทยแห่งไหน ที่พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงแก้ปัญหาให้ รอยพระบาทของพระองค์ท่านประทับไปบนแผ่นดินทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตที่มีปัญหาและมีความเดือดร้อนแสนเข็ญ ที่ไหนร้อน ที่ไหนแล้ง ที่ไหนทุกข์ยากลำบากแสนสาหัส พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปทรงแก้ปัญหาให้เสมอมา
พระเจ้าแผ่นดินของพสกนิกรชาวไทยพระองค์นี้ ทรงเป็นพระผู้ให้อย่างแท้จริง ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อความผาสุกของอาณาประชาราษฎร์โดยไม่มีวันและเวลาได้ทรงพระเกษมสำราญอยู่ในพระราชวัง แต่พระองค์ท่านทรงพระเกษมสำราญเมื่อประทับอยู่ท่ามกลางประชาชนที่พร้อมใจกันไปเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รอยแย้มพระสรวลของพระองค์ท่านช่วยให้หัวใจของพสกนิกรชื่นบานขึ้นมาโดยพลัน หยาดพระเสโทที่เปียกชุ่มฉลองพระองค์คือเครื่องยืนยันว่าทรงอุทิศพระวรกายเพื่อความผาสุกของอาณาประชาราษฎร์โดยแท้
นับตั้งแต่วันที่พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยเมื่อ 13 ตุลาคม 2559 จวบจนบัดนี้ ไม่มีสักวันเดียวที่พสกนิกรผู้จงรักภักดีในพระองค์จะลืมเลือนพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ที่พระราชทานให้คนไทยตลอดรัชสมัยของพระองค์ท่าน
ไม่ว่าจะผ่านพ้นไปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี หรือนานสักเพียงใด คนไทยที่ได้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรไทย จะไม่มีวันลืมเลือน หรือไม่คิดถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
พสกนิกรของพระองค์ท่านมิได้คิดถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 แค่เพียงวันที่ 13 ตุลาคม หรือ 5 ธันวาคมของทุกๆ ปีเท่านั้น แต่คิดถึงพระองค์ท่านทุกวันตลอดเวลา ยิ่งได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 แล้ว ยิ่งทวีความรัก ความเคารพ และความคิดถึงอย่างไม่สามารถจะกลั่นคำพูดใดๆออกมาจากหัวใจได้
คนไทย แผ่นดินไทย ร่มเย็นเป็นสุขได้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่าน และด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ของพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์
คนไทยไม่มีวันลืมในหลวง รัชกาลที่ 9 คนไทยจะจดจำพระมหากรุณาธิคุณไว้ตลอดกาล ในหลวง รัชกาลที่ 9 จะสถิตในหัวใจของคนไทยผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตราบนิจนิรันดร์ คนไทยโชคดีอย่างไม่อะไรมาเปรียบปานที่แผ่นดินนี้เคยมีในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงปกเกล้าและปกเกศพสกนิกรชาวไทย