แก๊งโจ๋ถ่อยไม่เลิก! บุกขอคลิปหวังทำลายหลักฐานขู่ฆ่าคู่กรณี เชื่อมีคนหนุนหลัง

แก๊งโจ๋ป่วนเมืองนครพนมถ่อยไม่เลิกบุกขอคลิปหวังทำลายหลักฐาน ข่มขู่คู่กรณีขั้นฆ่าให้ตาย สังคมเชื่อมีคนหนุนหลัง ฝ่ายบ้านเมืองทำได้แค่ผักชีโรยหน้า
คืบหน้าแก๊งโจ๋ถ่อยกวนเมืองใช้สารพัดอาวุธที่ประกอบขึ้นเอง อาทิ ระเบิดขวด ระเบิดปิงปอง และมีดงอด้ายหญ้า ตลอดจนดาบซามูไร ใช้รถ จยย.กว่า 10 คันไล่บี้เพื่อจะทำร้ายนายมลเทียน ราศี หรือก้าน อายุ 26 ปี และนายอภิชาติ (สงวนนามสกุล) หรือปอน หลานชายวัย 18 ปี ขณะขับรถยนต์กระบะหนี จากการที่กลุ่มโจ๋ถ่อยโยนระเบิดขวดใส่ในเก๋งรถ โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน จึงเกิดยุทธการไล่ล่า กระทั่ง จยย.คันหนึ่งของวัยรุ่นป่วนเมืองเสียหลักพลิกคว่ำ จึงเฉี่ยวกับรถกระบะคู่กรณีก่อนจะไปพุ่งชนรั่วเหล็กบ้านเลขที่ 87 หมู่ 6 บ้านหัวโพน ต.นาทราย อ.เมืองนครพนม เป็นเหตุให้แก๊งป่วนเมืองบาดเจ็บ 2 รายคนหนึ่งขาหักและอีกคนคิ้วแตก ส่วนที่เหลือเผ่นหนีโดยไม่เหลียวแลเพื่อนที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เหตุเกิดกลางดึกของวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุดวันที่ 29 ส.ค.65 เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.ท.หญิง มนัสนันท์ บุตรบุรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม เจ้าของคดีได้นำตัวนายมลเทียนและนายอภิชาติ สองพี่น้องที่นั่งในรถกระบะมาชี้จุดตามคำกล่าวอ้างที่ให้การไว้ตามจุดต่างๆ ขณะถูก จยย.10 กว่าคันที่แก๊งโจ๋ถ่อยไล่ รวมทั้งจุดที่เกิดเหตุรวม 4-5 จุดเพื่อใช้เป็นสำนวนหลักฐานในคดี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนมได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่กลุ่มนี้ใช้เป็นเส้นทางผ่านในการก่อเหตุและบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ รวมทั้งหน้าบ้านของนางดุลยดา เทียบชัยภูมิ อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านทั้งสองหลังที่รั้วปูนและรั้วเหล็กประตูหน้าบ้านพังเสียหาย 

ขณะที่นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอเมืองนครพนมได้สั่งการให้นายจักรพล เที่ยงภักดิ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันและเจ้าหน้าที่ผ่ายปกครองกว่า 10 นายรวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่จุดเกิดเหตุเข้าไปตรวจสอบความเสียหายบ้านเรือนทั้งสองหลัง ก่อนจะมีการไกล่เกลี่ยเยียวยาตามขั้นตอนต่อไป

ด้านนางดุลยดา กล่าวว่า มีรั้ว-เสาปูน ชายคา โครงหลังคา และประตูรั้วเหล็ก ซึ่งกู้เงิน ธ.ก.ส.มาต่อเติมหมดหลายแสนบาท ประเมินราคาไว้ที่ 150,000 บาทเท่าที่ทราบรถยนต์ที่เกิดเหตุเพิ่งดาวน์มา 15 วันยังไม่ส่งงวดแรกมีแค่ประกันชั้นสอง ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะมาจ่ายชดใช้ให้ทุกวันนี้ยังหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลย

นางดุลยดา เล่าต่อว่าวันเกิดเหตุกล้องวงจรปิดติดไว้หน้าบ้าน 2 ตัว อีกตัวจับภาพขณะแก๊งโจ๋โยนระเบิดใส่รถยนต์กระบะ แต่ตกลงข้างบ้านของเพื่อนบ้านเสียงดังสนั่นแสงไฟวาบ หลังจากนั้นเพื่อนบ้านเล่าว่าช่วงกลางดึก 4-5 ทุ่มมีแก๊งคนร้ายที่ก่อเหตุใช้รถ จยย.2 คันซ้อนมา 4 คนมาขับป้วนเปี้ยนข้างบ้านตน เร่งเครื่องใส่คาดว่าน่าจะมาข่มขู่

“วันนี้ (29 ส.ค.65) เวลา 07.38 น.มีวัยรุ่นขับ จยย.สีแดงซ้อน 2 ขับเข้าในบ้านจะขอเมมโมรี่การ์ดกล้องวงจรปิดที่จับภาพขณะโยนระเบิดใส่ หวังจะนำไปทำลายหลักฐาน ด้วยความโมโหจึงบอกวัยรุ่นนั้นไปว่าอยากได้คลิปไปทำอะไร พวกแกไม่ใช่ตำรวจ ถ้าอยากได้ให้ไปขอกับตำรวจโน่นในใจก็กลัวเกรงว่าคืนนี้แก๊งนี้อาจจะย้อนกลับมาข่มขู่คุกคามอีก” นางดุลยดา กล่าว

ด้านนายมลเทียนหรือก้าน คนขับรถกระบะ เล่าว่า ช่วงค่ำวานนี้ (28 สค.) ที่สนามเด็กเล่นอยู่หน้าห้องชุดสืบสวนหลังโรงพัก พี่สะใภ้ตนมาเล่าให้ฟังว่า ตำรวจได้เรียกตัวแก๊งโจ๋กว่า 20 คนมาสอบปากคำ หนึ่งในคนร้ายอายุราว 15-16 ปี เดินมาพูดจาทำนองข่มขู่พี่สะใภ้ว่า “ถ้าฆ่าคนตาย คนตายจะแจ้งความข้อหาอะไรอีก” ญาติมาเล่าให้พังอีกว่าก่อนนี้คนร้ายใช้ จยย.ประมาณ 10 คัน เร่งเครื่องข่มขู่ที่หน้าบ้านพักมาแล้ว

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายสอบปากคำแล้วมีวัยรุ่นรับสารภาพแล้วว่าคนไหนพกพาอาวุธมีด คนไหนมีระเบิดขวด และระเบิดปิงปอง แต่ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ต้องมีสหวิชาชีพร่วมสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองประชุมหารือในเบื้องต้นแล้ว เป้าหมายหลักคือการสลายกลุ่มแก๊งป่วนเมือง ไม่เฉพาะแค่กลุ่มนี้เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ซึ่งนำตัวแก๊งวัยรุ่นผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน โดยมีผู้ปกครองเดินทางมาด้วยเกือบ 20 คนช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวได้ถามวัยรุ่นคนหนึ่งว่ามีอะไรจะพูดไหมได้รับคำตอบคือไม่ขอพูดอะไรทั้งนั้น ทางด้านผู้ปกครองที่นั่งรอการสอบสวนอยู่นอกห้องก็บอกว่าลูกหลานของตนเป็นเด็กดี โดยวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุยอมรับว่าเป็นผู้ไล่ทำร้ายรถกระบะจริง แต่ไม่ขอให้รายละเอียด

ปัญหาที่สังคมตั้งคำถาม คือทำไมแก๊งกวนเมืองถึงกล้าเหิมเกริมถึงขั้นมีการปิดถนนสายหลักดักทำร้ายคู่กรณี โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง หรืออาจมีคนคอยหนุนหลัง ขณะที่ผู้ดูแลรักษากฎหมาย ทำได้แค่ระยะหนึ่งไม่ต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดปัญหาบานปลายขึ้นมา เพราะไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่รวมตัวกวนเมืองดักทำร้ายชาวบ้านมานักต่อนักแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *