เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพบว่าบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยจำหน่ายผ่านแม่ทีม ซึ่งผู้ซื้อจะต้องซื้อสลากผ่านแม่ทีมที่มีคนแนะนำเท่านั้นถึงจะซื้อได้โดยมีแพ็กเกจให้เลือกซื้อ 1 ใบ ราคา 80 บาท , 10 ใบราคา 800 บาท และ 20 ใบราคา 1,600 บาท โดยโอนเงินค่าสลากเข้าบัญชีของบริษัท ตรวจสอบธุรกรรมการเงินโอนเงินมีเงินหมุนเวียนในบริษัทกว่า 30 ล้านบาท และตรวจสอบธุรกรรมเส้นทางการเงินของนายณัฐ กรรมการบริษัท พบว่า โอนไปให้ น.ส.มาลัย กว่า 29 ล้านบาท
จากการตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลที่บริษัทดังกล่าวนำมาจำหน่ายนั้น พบว่า มีลายน้ำเหมือนกันทุกฉบับ ถ้าเป็นสลากฉบับจริงจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น ลายน้ำแต่ละฉบับจะไม่เหมือนกัน และฟร้อนท์ตัวหนังสือไม่เหมือนกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจัดพิมพ์มาแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค.2565 เวลา 12.30 น.ได้จับกุมนายณัฐ อายุ 32 ปี บริเวณหน้าวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งนายณัฐเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลาดข้อกล่าวหา แต่รับว่าเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว ประกอบธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจริง โดยสลากที่นำมาจำหน่าย จะทำการติดต่อซื้อมาจาก น.ส.มาลัย ซึ่ง น.ส.มาลัย จะส่งเป็นไฟล์สลากมาให้ แต่ไม่มีสลากฉบับจริงมาให้แต่อย่างใด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีต่อไป
จากนั้นวันที่ 16 ธ.ค.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. ร่วมกับ ปอศ. นำหมายค้นศาล ตรวจค้นสถานที่ตั้งบริษัท จำนวน 2 จุด โดยจุดที่ 1 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจเป้าหมายในพื้นที่หมู่ 11 ต.หนองบัวบาน อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบริษัท ผลการตรวจค้นพบว่ามีลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ เป็นที่พักอาศัยทั่วๆ ไป ไม่พบว่ามีพนักงานของบริษัท หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด
จุดที่ 2 ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่หมู่ 3 ต.นาสนุ่น อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบริษัทแห่งที่ 2 ผลการตรวจค้นพบว่ามีลักษณะเป็นบ้านปูน 2 ชั้น เป็นที่พักอาศัยทั่วๆ ไป ไม่พบว่ามีพนักงานของบริษัท หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด