ตร.ไซเบอร์ ทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ยึดของกลางกว่า 30 ล้าน

วันที่ 23 ม.ค.66 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต. วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท,พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. พล.ต.ต. ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมเครือขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 138,254 ชิ้น มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเดือน พ.ย.ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เปิดปฎิบัติการทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดบจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลาง น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมจำนวนประมาณ 327,400 ชิ้น รวมมูลค่าในท้องตลาดคิดเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ต่อมาได้ขยายผลก่อนนำกำลังตรวจค้นร้าน Seoul Hub อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี, และร้านWARP CAFÉ  ที่ถนนโยธาธิการนนทบุรี สายท่าอิฐ ต.บางรักน้อย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี  และจับกุมนายแบงค์ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่รับบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยามาจำหน่ายต่อ พร้อมยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า รวมจำนวนประมาณ 2,654 ชิ้น มูลค่า 2 แสนบาท โดยนายแบงค์ให้การรับว่าของกลางทั้งหมดเป็นของนายแพท ซึ่งเช่าโกดังแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองสระบุรีเป็นที่เก็บของ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสระบุรีเข้าทำการตรวจค้น ก่อนนำหมายค้นที่ 13/2566 ลง 22 ม.ค.2566 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 49/2 หมู่ที่ 2 (โกดัง 2) ต.ดาวเรือง อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี 

จากการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมจำนวนประมาณ 364 ลัง หรือประมาณ 135,600 ชิ้น มูลค่า 30 ล้านบาท ก่อนจับกุม นายแพท (สงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 28 ปี  และนายแก๊ป (สงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 35 ปี  ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดูแล จากการสอบสวนนายแพทให้การรับว่าทำมานานกว่า 1 ปี ซึ่งสั่งบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามาจากประเทศมาเลเซีย โดยใช้โกดังในพื้นที่จ.สระบุรี เป็นสถานที่เก็บ เพื่อรอกระจายสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะในจังหวัดนนทบุรี ถือเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่สำคัญ  อย่างไรก็ตามทางตำรวจไซเบอร์จะขยายผลจับกุมเครือข่ายอื่นอย่างต่อเนื่อง

ย่างไรก็ตามแจ้งข้อหา “ร่วมกัน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่งคง ท่าเรือ รับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานศุลกากร”เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรพ.ศ.2560”  ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนบก.สอท.2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *