17-3-66ศาลตัดสินขอโทษทางสื่อข้อหาหมิ่นประมาททางเพซบุ๊กพร้อมให้จำเลยชดใช้ค่าเสียแก่โจทก์

จากกรณีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 คดีหมายเลขดำที่ อ 584/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ 410/2565 ศาลจังหวัดอุทัยธานี ความอาญา และคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาของ นางสาวรัชดา สุขสำราญ โจทก์ ยืนฟ้อง นางสาวชฎานิศ ดวงจินดา จำเลยที่ลงภาพและข้อความหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาผ่านทางโปรแกรมเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถส่งข้อความและรูปภาพจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผ่านเครือข่ายโทรคมนาคม โดยข้อความจำเลยปรากฏที่บัญชีเฟซบุ๊ก ที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับจำเลยสามารถเห็นข้อความและแสดงความคิดเห็นได้

สืบเนื่อง เมื่อระหว่างวันที่ 18 พฤภาคม 2564 ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2564 นางชฎานิศ ดวงจินดา จำเลย ได้ลงเฟซบุ๊ก ด้วยถ้อยคำหยาบคายพร้อมลงภาพและ ข้อความหมิ่นประมาณหลายกรรมต่างกัน ดังกล่าวจากการตรวจสำนวนของศาลชั้นต้น พร้อมศาลอุทธรณ์ภาค 6 ทั้ง 2 ศาลข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้น ว่าก่อนเกิดเหตุ โจทก์และมารดาโจทก์ กับจำเลย และบิดาจำเลย มีข้อพิพาทบาดหมางเกี่ยวกับหลักเขตที่ดินอยู่ติดกัน จำเลยเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “ชฎานิศ ดวงจินดา” โดยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เจ๊ม่ายหย่าย ซูชิสุดอร่อย” ลงข้อความพร้อมระบุว่าอยู่กับ“ชฎานิศ ดวงจินดา” จำเลย โดยมีข้อความว่า“อายุมากแต่การกระทำกับพูดพูดต่ำมาก ๆ” ทั้งเมื่อมีบุคคลภายนอกกล่าวถามว่าเป็นใคร่ เป็นผู้ถูกล่าวหาถึงจำเลย แสดงความคิดเห็นตอบว่า“อีแก่ ทีไม่ยอมโตแถวบ้าน”ต่อมาในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 จำเลยได้ลงข้อความในบัญชีเฟซบุ๊กของจำเลยเองโดยมีข้อความ“กรุพึ่งรู้ ความตอแหลของมันมีเชื้อติดมาจากแม่เยอะ555”และในวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 จำเลยได้ลงข้อความเพิ่มเติมในบัญชีเฟซบุ๊กของจำเลย“ว่าพึ่งเคยเจอคน สตอ ตัวแม่ 555”แล้วในวันที่ 10 มิถุนายน 2564 จำเลยลงข้อความในบัญชีเฟซบุ๊กของจำเลยว่า“ต่อแหลได้โล่เลยคะไปรับส่วนบุญด้วย อีสัสสส กรวดน้ำคว่ำขันให้จังไรทั้งชาติ” และจำเลยตอบกลับผู้แสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อความดังกล่าวว่า “เย็นไม่ไหว ตอแหลทั้งแม่ทั้งลูกเลย โคตรตอแหลเลย เจอของจริงงเงียบเป็นสากเบือเลย น่าเอาหนังยางดีดปากHEE อีห่าราก” “พีไม่พูดลับหลัง ด่าต่อหน้าด้วย คนนี้จังไรจัดต่อแหล ได้โล่ของจริง” “พีไม่พูดลับหลังนะ ต่อหน้าก็ด่าคำนี้ ไม่ได้เก่งแต่ในนี้นะพี จัดมาแล้ว ยังไม่เลิกสะตอ” “จัดแล้วสิ ด่าแบบถอนหงอกเลยตอแหลได้โล่ ทำแล้ว บอกไม่ได้ทำจังไรคนจริง” ต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน 2564 จำเลยลงข้อความในบัญชีเฟซบุ๊ก ของจำเลยว่า “ ว่าพ่อกูโกง ขยับหลักปักในที่ตัวเอง สปก.คืนข้างหน้า 1 ศอก ก็ต้องคืนข้างหลังกู 1 ศอก แต่ที่รู้ ๆ คนโกงสบายคนโดนโกงขุดหลุมฝังกันHEE แฉะไปเวรกรรมเวรกรรม สตอ ทั้งแม่ ทั้งลูก อย่าหาทำเด้อสงสาร HEE 555 และวันที่ 14 มิถุนายน 2564 จำเลยลงรูปภาพโจทก์และมารดาโจทก์พร้อมข้อความประกอบรูปภาพว่า“พ่อกูโกง ตอนนี้เอาที่สบายใจ ขุดเอง ยกเอง ฝังเอง กลบเอง เอาที่สบายใจ อีฉันยืนดูแบบสง่างาม เหนื่อยไหมกูถามจริง เอาไว้เตือนใน ทุกปี ขอให้มันจบสักที่กุเหนื่อยแทน รุ่นนี้ผมสองสีแล้วเสือกงก 55555 หลุมที่ขุดมันเล็กไปนะ กุว่า กว้าง 1 ม.ยาวสัก 2 ม.น่าจะพอฝัง อิอิ โคตรสะใจเลยกุขอบอก” มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กที่เห็นข้อความ และรูปภาพ ดังกล่าวและได้กดถูกใจรวมทั้งแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถส่งข้อความและรูปภาพจากคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยได้ติดตั้งผ่านโปรแกรมและมีบัญชีผู้ร่วมใช้งานโปณแกรมเฟซบุ๊กของจำเลย ผู้ทีใช้เฟซบุ๊ก ที่เป็นกลุ่มเพื่อน ๆ กับจำเลยสามารถมองเห็นข้อความและแสดงความคิดเห็นได้
การกระทำของจำเลย เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชั่ง เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ โดยการโฆษณา โจทก์เป็นอาสาสมัครสาธารณ์สุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะประชาชนในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงเข้าใจว่าโจทย์เป็นคนไม่ดี เป็นคนโกหก เหตุเกิดที่ตำบลหนองจอก อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี

ซึ่งศาลชั้นต้น พร้อมศาลอุทธรณ์ ภาค 6 ได้วินิจฉัยการกระทำของของจำเลย เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้พิพากษา ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 จำคุก 4 เดือน และปรับ 10.000 บาท ไม่ปรากฏจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยได้ลบข้อความหมิ่นประมาทตามคำฟ้องออกจากเฟสบุ๊กชื่อ“ชฎานิศ ดวงจินดา” ของจำเลยทั้งหมดแล้ว อันเป็นการบรรเทาผลร้ายให้แก่โจทก์ส่วนหนึ่ง ดังนั้นเพื่อ ให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีสักครั้ง จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ก่อน มีกำหนด 2 ปีและให้คุมประพฤติจำเลยไว้กำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ จำนวน 4 ครั้ง ภายในกำหนดระยะเวลาคุมประพฤติ ให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร มีกำหนด 12 ชั่วโมง และให้จำเลยเข้ารับการอบรมธรรมะตามที่พนักงานคุมประพฤติกำหนดอย่างน้อย 1 ครั้ง ตามประมวลอาญามาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 29,30 ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษา ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 1 ครั้ง ภายใน 1 เดือนกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย ของต้นดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง ( วันที่ 15 กรกฏาคม 2564 ) เป็นต้นไป ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดและกำหนด ค่าเสียหายมานั้น ศาลอุทธรณ์ ภาค 6 เห็นฟ้องด้วย อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษาลงความตามศาลชั้นต้นดังกล่าว
///////////////
นายพชร พัสกุล สมาคมสื่อมวลชนอุทัยธานี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *