วันที่ 25 พ.ค.66 นางสาวกิตติกาญจน์ ทรัพย์ประเสริฐ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืด เขื่อนเจ้าพระยา (ชัยนาท) สังกัดศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำ จืดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับผิดชอบเขต จังหวัดชัยนาท อุทัยธานี และ สิงห์บุรี พร้อมด้วย นายนันทพล เสมาทอง ประมงอำเภอลานสัก สำนักงานประมงจังหวัดอุทัยธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้นำรถกระบะติดป้ายโฆษณา พร้อมใบปลิว ช่วงฤดูน้ำแดง ห้ามทำการประมงในฤดูสัตว์น้ำจืดมีไข่ ฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ถึง 1 ส.ค.66 ซึ่งเครื่องมือที่อนุญาตให้ใช้ทำการประมงได้ เช่น 1/ เป็ดทุกชนิด ยกเว้น เป็ดราว เป็ดพวงทีทำการประมงโดยใช้วิการกระชาก 2/ ตะแกรง สวิง ซ้อน หรือขนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้าง ไม่เกิน 2 เมตร และไม่ทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่ 3เครื่องมือขึ้นไป 3/สุ่ม ฉมวก ส้อม ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน 5/แกทีมีความลึกไม่เกิน 6 ศอก (3เมตร ) ถ้าฝ่าฝืนบทกำหนดลงโทษ ฝ่าฝืนปรับตั้งแต่ 5.000บาท ถึง 50.000บาท
ไปยังบริเวณเขื่อนทับเสลา ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งพื้นที่ของเขื่อนเก็บกังน้ำจำนวน 9 พันไร่เศษ โดยมีชาวประมง ซึ่งอยู่เขต จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดนครสวรรค์ ที่มีอาชีพประมงหาปลาในเขื่อนทับเสลากว่า 300 ครอบ ทีนำเรือท้องแบน นำแห ตะข่ายดักปลา ยกยอ และอื่น ๆ เข้าไปหาปลาในเขื่อนทับเสลา
โดยเจ้าหน้าที่ขอความร่วมภายในวันที่ 1 มิ.ย.ถึง 1 ส.ค.66 นั้นเป็นช่วงน้ำแดง ถึงฤดูปลาว่างไข่ ให้ชาวประมงหยุดทำการมงก่อน 3 เดือน โดยให้ใช้อุปกรณ์ข้างต้นทำการประมงอนุญาตให้หาปลาได้
ด้านชาวบ้านนายบุญล้ำ แซ้นสีดา อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 312/2 หมู่ 14 ต.น้ำรอบ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นชาวประมงหาปลาในเขื่อนทับเสลา กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ประมงทำถูกต้องแล้ว ทีให้ชาวบ้านทำมาหากินกันแบบสบาย ๆ ในช่วง 3 เดือน นั้นเป็นกฎ ที่ต้องหยุดทำมาหากิน ทีชาวประมงให้ความมือกับเจ้าหน้าที่ประมง ในช่วงฤดูปลาว่างไข่ 3 เดือน ซึ่ง 1 ปี มี 12 เดือน เจ้าหน้าที่ให้หาปลา 9 เดือน ให้หยุด3 เดือน ตนเองเห็นว่าคุมกับชาวประมง พวกตนเองให้ความร่วมกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
ภาพสัมภาษณ์ นายนันทพล เสมาทอง ประมงอำเภอลานสัก สำนักงานประมงจังหวัดอุทัยธานี (แต่งสวมเครื่องแบบเสื้อขาว)
ภาพสัมภาษณ์ นางสาวกิตติกาญจน์ ทรัพย์ประเสริฐ หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืด เขื่อนเจ้าพระยา (ชัยนาท) แต่งเครื่องแบบชุดดำ
///////////////////
นายพชร พัสกุล จ.อุทัยธานี
