19-06-66 อดีตนายก อบต.สวมสร้อยทองคำหนัก 100 บาท ไหว้ศาลหลักเมือง ขอความเป็นธรรม ยื่นหนังสือร้องศูนย์ดำรงธรรม แพ้คะแนนเสียงฝายตรงข้าม 1 คะแนน ลั่นคนไม่ดังไม่มีน้ำหนัก ถึงต้องสวมสร้อยมาให้มีน้ำหนัก

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวจุฑาภัค หรือ นางสุลี หนองไผ่ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 75 หมู่ 5 ต.เกาะเทโพ อ เมือง จ.อุทัยธานี ได้สวมสร้อยคอทองคำ และข้อมือ น้ำหนักกว่า 100 บาท พร้อมธูป เทียน ดอกไม้ เดินทางมายังศาลหลักเมืองอุทัยธานี เพื่อกราบไหว้ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ความเป็นธรรม ขอพูดความเป็นจริง ต่อหน้าศาล พร้อมหากพูดไม่จร้งพร้อมท้าสายบานฝ่ายตรงข้าม และในวันนี้ที่สวมสร้อยคอ 100 บาท มาเนื่องจากตนเองได้ยืมญาติพี่น้องมาใส่โดยตนเองไม่มีตังค์ไม่มีตำแหน่งเลยเสียงไม่ดัง จึงต้องจัดใส่ทองน้ำหนักกว่า 100 บาทเพื่อมาร้องขอความเป็นธรรมให้มีน้ำหนักเหมือนทอง พร้อมกับเดินทางเข้ายื่นหนังสือ ที่ศาลากลางจังหวัดอุทัยธาน ไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานี เพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องผลของการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาโดยวินิจฉัยของกกต.อุทัยธานี ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่และไม่ตรงกับพยานและหลักฐานที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พร้อมกับเอกสารที่ส่งมาล่าสุดล่าช้า

โดยนางสาวจุฑาภัค หรือ นางสุลี หนองไผ่ อดีตนายก อบต.เกาะเทโพ ได้อ้างว่า จากกรณี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเทโพ อ.เมืองอุทัยธานี ได้มีหมู่บ้านจำนวน 6 หมู่บ้าน ได้จัดให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเทโพขึ้น โดยมีผู้สมัครนายก อบต.เกาะเทโพ จำนวน 2 คน เบอร์ 1 ได้แก่นางสาวจุฑาภัค หรือ นางสุลี หนองไผ่ หรือผู้ร้องเรียนผู้สื่อข่าว และ เบอร์ 2 ได้แก่ฝ่ายตรงข้ามหรือนายกคนปัจุบัน โดยผู้สมัครครั้งนี้มีเพียง 2 คน

ล่าสุด ในวันที่รับผลการนับคะแนนยังไม่เป็นทางการ นางจุฑาภัค หรือนางศุลี ได้ดูโดยรอบแล้ว ผลคะแนนของตนเองได้รับคะแนนมาอันดับหนึ่ง โดยรวมหลายพื้นที่ในเกาะเทโพ แต่แล้วหลังจากการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าตนเองนั้นได้แพ้คะแนนเสียงจากเบอร์ 2 เพียง 1 คะแนน ซึ่งสร้างความสับสนและไม่พอใจให้กับตนเองมาก และตนเองคิดว่าต้องมีอะไรที่ซ่อนเร้นมากกว่านี้ โดยครั้งนั้นนางจุฑาภัค หรือนางสุลี ได้อ้างว่า คณะนั้นตนเองพร้อมพวกได้คัดค้านต่อหน้าหน่วยการเลือกตั้งแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ จากคณะกรรมการหน่วยเลือกตั้งในที่นั้น ซึ่งอยู่ในพื้นที่โดยรวม ไม่ให้ถ่ายภาพบันทึกภาพ ตนเองจึงหวาดกลัว ต่อมาตนเองจึงได้ทำหนังสือยื่นร้องต่อกกต.จังหวัดอุทัยธานี เพื่อขอตรวจสอบและความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และสร้างความไม่พอใจให้กับตนเองเป็นอย่างมาก

ล่าสุด หลังที่ตนเองได้ยื่นหนังสือให้กับทางกกต.จ.อุทัยธานีแล้ว แล้วมีหนังสือส่งมาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 เรื่องแจ้งผลการพิจารณา อ้างถึงผลคำร้องฉบับวันที่ 8 ธ.ค.64 ได้ยกคำร้องของตนเอง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำคำวินิจฉัย ของคณะกรรมการเลือกตั้ง และครั้งล่าสุด ตนเองได้รับหนังสืออีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ได้มีหนังสือมาอีกฉบับ โดยสำเนาคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเลือกตั้ง จาก กกต.จ.อุทัยธานี มีมติให้ยกคำร้องของตนเอง หลังจากนั้นตนเองได้อ่านเอกสาร และคำวินิจฉัย ไม่ตรงกับพยานและหลักฐาน ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

ซึ่งวันนี้ ตนเองได้เดินทางมายังศาลหลักเมืองอุทัยธานี เพื่อกราบไหว้ต่อศาลหลักเมือง และขอพูดความเป็นจริงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นจึงนำเอกสารไปยื่นยังศูนย์ดำรงค์ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ต่อมาทางด้าน นางสาวจุฑาภัค หรือ นางสุลี พร้อมกับผู้สื่อข่าวได้เดินไปสอบถามยัง กกต.จ.อุทัยธานี เพื่อสอมถาม พร้อมนำเอกสาร ขอคำชี้แจ้ง กับ กตต.ของผลการเรื่องตั้งที่ผ่านมา และเอกสารคำวินิจฉัยที่ส่งกลับมา โดยได้สอบถามกับนางสาวพูนศรี สุขเสวก รองผู้อำนวยการสำนักงานการเลือกตั้งจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า ครั้งนี้ตนเองได้ขอรับเอกสารจากนางจุฑาภัค หรือนางสุลี ไว้ก่อน เพื่อขอพิจารณาหารือกับผอ.กกต.อุทัยธานี เพื่อขอตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ทางนางสาวพูนศรี หรือรองผอ.กกต.อุทัยธานี ยังได้เปิดเผยอีกว่า หากชาวบ้านทั่วไปหรือประชาชนอยากจะร้องเรียน เรื่องการนับคะแนนผลการเลือกตั้ง ขอให้คัดค้านตั้งแต่วันนับคะแนนที่หน้าคูหาดังกล่าว

เสียงสัมภาษณ์นางจุฑาภัค หนองไผ่ หรือนางสุลี
เสียงสัมภาษณ์นางสาวพูนศรี สุขเกษม รองผอ.สนง.กกต.อุทัยธานี
/////////////////////////////
นายพชร พัสกุล จ.อุทัยธานี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *