ชลบุรี เตือนภัยสังคม ระวัง หม่อมปลอม-เสธ.เก๊ ตระเวนหลอกชาวบ้านพัทยา-พนมสารคาม-กรุงเทพฯ แฉกระทำความผิดโดนคดีเพียบ แต่ยังลอยนวล

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยข้อมูลและหลักฐานต่างๆ จากผู้เสียหายรายหนึ่งทราบว่า มีชายคนหนึ่ง อ้างตัวโดยใช้ชื่อว่า “หม่อมกฤษ” เข้ามาทำความรู้จักและตีสนิทกับนักธุรกิจว่าจะมาร่วมลงทุนที่พัทยาด้วย พร้อมกับบอกว่ามีเรื่องหรือปัญหาอะไรสามารถช่วยเหลือได้เพราะตนเองรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมากมาย พยายามแสดงให้รู้ว่ามีสัมพันธ์ที่ดีกับนายตำรวจชั้นสูง สร้างโปรไฟล์ในโลกออนไลน์สวยหรู ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อให้ช่วยเหลือ สุดท้ายกลับต้องเสียเงิน โดยชายคนดังกล่าวจะหาเหตุผลมาอ้างว่าต่างๆ นานาว่ารู้จักคนใหญ่คนโต และทำทีเหมือนคอยประสานงานเรื่องราวต่างๆ ให้แต่สุดท้ายก็ช่วยอะไรไม่ได้ เหมือนหลอกเอาเงินไปโดยใช้วิธีแอบอ้างสร้างภาพให้ตัวเองน่าเชื่อ และกระทำแบบเดียวกันนี้จนมีผู้เสียหายหลายราย
โดยชายหนุ่มที่อ้างว่าชื่อ “หม่อมกฤษ” จะตระเวนก่อเหตุในพื้นที่เมืองพัทยา ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพมหานครฯ โดยจะอ้างตัวในแต่ละสถานที่ไม่เหมือนกัน บางครั้งอ้างเป็นหม่อมราชวงศ์ บ้างครั้งอ้างเป็นทหารเสนาธิการ (เสธ.) และยังมีแอบอ้างเป็นลูกชายของอดีตนายตำรวจชื่อดัง เข้าตีสนิทกับเหยื่อก่อนกล่าวอ้างตัวและจัดฉากเหมือนเป็นตัวเองชนชั้นสูง สร้างสถานการณ์ให้หลงเชื่อ และจะกระทำความผิดทั้งปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน ฉ้อโกงทรัพย์ หลอกขายรถ และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานโดยแอบอ้างเป็นตำแหน่งใหญ่โต ซึ่งก็มีคดีความมีผู้เสียหายมาแล้วหลายรายแต่ยังลอยนวลตระเวนก่อเหตุอยู่เรื่อยมา
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวเคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วถึง 3 ชื่อ การก่อเหตุจะใช้รถยนต์ 3 คัน สลับสับเปลี่ยนกันใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนก่อเหตุกระทำความผิดมาแล้วหลายคดีแต่อยู่ระหว่างดำเนินคดีและอยู่ระหว่างศาลตัดสิน เมื่อผู้เสียหายเข้าแจ้งความก็จะฟ้องร้องและข่มขู่แอบอ้างเบื้องสูงจนผู้เสียหายหวาดกลัว เกิดความท้อและยอมความในที่สุดิเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดรับเรื่องแจ้งความ ก็จะหาทางกลั่นแกล้งแจ้งความเจ้าหน้าที่มาตรา 157 หรือหาทางไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานสร้างความวุ่นวาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะกระทำการกันเป็นขบวนการ เพราะมีทั้งบัญชีชื่อภรรยา 2 คน และบัญชีม้าผู้สมรู้ร่วมคิดเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องระบบบัญชีการโอนจ่ายเงิน
อย่างไรก็ตาม อยากให้เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบคดีเกี่ยวกับชายหนุ่มคนดังกล่าว และติดตามตัวมาสอบสวนและสืบค้นข้อมูลการกระทำความผิด และหาความเชื่อมโยงของผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินโดยเร็วที่สุด ก่อนจะย่ามใจติดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กระทำความผิดแล้วไม่มีใครทำอะไรได้ก่อเหตุซ้ำซากจนมีผู้เสียหายรายต่อไป ซึ่งพยานหลักฐานและข้อมูลประกอบต่างๆ ที่พร้อมจะเปิดเผย ทางกลุ่มผู้เสียหายได้รวบรวมไว้ทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรมต่อไปด้วยเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *