แม่บ้านสารภาพ’กำนันนก’สั่งทำลายหลักฐาน ‘บิ๊กโจ๊ก’ซัดนี่คือความย่ำแย่ของ ตร.

“บิ๊กโจ๊ก”เผยแม่บ้านสารภาพสิ้น“กำนันนก” ให้ทำลายหลักฐานวันเกิดเหตุ ทั้งแกะกล้องวงจรปิด ล้างคาบเลือด เก็บปลอกกระสุนไปทำลาย พร้อมสั่งสอบละเอียดตำรวจ 21 นาย หากผิดจริงโดนม.157 กล่าว ลั่นไม่ใช่บทเรียนแต่เป็นความบกพร่อง ความย่ำแย่ของตำรวจ

8 ก.ย. 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคนร้ายอุกอาจเหิมเกริม ยิงตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐมว่า กรณีวิสามัญ “หน่อง ท่าผา” ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและตำรวจพื้นที่ได้ไล่ข้อมูลสืบสวนจนกระทั่งพบว่าผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีจึงได้เข้าล้อมตรวจค้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา จนเกิดเหตุยิงต่อสู้ ตำรวจจำเป็นต้องใช้อาวุธจึงเกิดการวิสามัญ จากการตรวจสอบหัวกระสุนพบเป็นปืนกล็อก ขนาด 73 และเป็นปืนกระบอกเดียวกันที่ก่อเหตุยิงสารวัตรทางหลวง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกำนันนกตนรู้อยู่แล้วว่ายังไงกำนันนกต้องให้การปฏิเสธจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาจ้างวานฆ่าฯ แต่ตนได้สั่งให้สอบประเด็นร่วมกันฆ่าฯเพิ่มเติม เพราะหลังจากสอบปากคำแม่บ้านพบว่า กำนันนกเป็นคนสั่งให้ทำลายพยานหลักฐาน ทั้งแกะกล้องวงจรปิด ล้างคาบเลือด เก็บปลอกกระสุนไปทำลาย แต่อย่างไรก็ตามหากศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุดตามกฎหมายไทยก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ในส่วนของตำรวจจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ดีเพราะว่าตัวกำนันนกเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ สนิทกับข้าราชการหลายส่วน วันนี้จึงต้องย้ายเรื่องมาที่กองปราบฯ กำนันนกจะได้ไม่ต้องไปวิ่งเต้นใครได้ เพราะเขตอำนาจจะย้ายมาอยู่ที่ศาลอาญารัชดา ไม่ใช่ศาลจังหวัดนครปฐม

“ผู้กำกับและผู้การต้องไปทบทวนตัวเองว่าอยู่อย่างไรถึงปล่อยให้นักเลงเหิมเกริมได้ขนาดนี้ ปล่อยปะละเลยยังไงถึงได้มีซุ้มแบบนี้ อันนี้ไม่ใช่บทเรียนแต่เป็นความบกพร่อง ความย่ำแย่” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

และว่า ในส่วนของตำรวจทั้ง 21 นาย เมื่อวานสั่งสอบรายละเอียดทั้งหมดว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 หรือไม่ หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีอาญา เพราะคนที่อยู่ในงานมีผู้กำกับถึง 3 คน และมีผู้กำกับสืบสวนจังหวัดซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ ยังปล่อยให้มีการทำลายพยานหลักฐาน การมีผู้อิทธิพลแบบนี้ต้องเกิดจากผู้กำกับในพื้นที่หย่อนยาน หากผู้กำกับในพื้นที่เข้มแข็งเรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิด อีกทั้งเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจไปกินอาหารกับกำนันนกเป็นประจำทุกเดือน เพราะตัวกำนันนกรู้จักตำรวจทางหลวงเยอะเนื่องจากทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง การเรียกตำรวจไปเลี้ยงก็เพื่อเสริมบารมีตัวเอง กินกันจนกระทั่งหมดความเกรงใจจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้

“ขณะนี้คดีแยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คดีหลักจะเป็นความรับผิดชอบของกองปราบฯ ผู้รับผิดชอบคือพล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ส่วนคดีวิสามัญจะเป็นในส่วนของตำรวจภูธรท้องที่รับผิดชอบและประเด็นตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 จะเป็นสภ.เมืองนครปฐมรับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตามใน 2 ประเด็นหลังตนจะเป็นผู้รับผิดชอบกำกับดูแลด้วยตัวเอง”รอง ผบ.ตร. กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *