เมื่อเวลา 10.00.น.ของวันที่ 11 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากสองแม่ลูก ชื่อนางปริศนา วิวัฒนานนท์ อายุ 67 ปี และนางธนิสร จิตต์บุญ อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 5 หมู่ 13 ตำบลเมืองการุ้ง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ว่าช่วงทุ่มกว่าๆของวานนี้ ได้มีเกิดเหตุมีมือดีเผาไร้อ้อย ติดข้างบ้าน ได้ลามเข้ามาที่ไร่ในพื้นที่ของตนเอง ได้รับความเสียหาย ต้นไม้ที่ปลูกไว้ตายหมดเกลี้ยง รวมถึงสายน้ำหยดถูกไหม้เสียหาย เนื่องจากมีหญ้าแห้งอยู่บริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก หวั่นจะลามเข้ามายันที่บ้าน จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่รถน้ำให้ช่วยกันมาดับไฟ พร้อมกับหยิบมือถือมาถ่ายตลอดระยะเวลาถึง 02:00 น ของอีกวัน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ที่พื้นที่ในหมู่บ้านดังกล่าวนั้น จะมีคนแอบลักลอบเผาอ้อยอยู่เป็นประจำ ตนเองและครอบครัว อยู่อย่างหวาดกลัว และตนเองก็แปลกใจว่าขนาดที่มีคนจุดไฟเผาอ้อยอยู่ ทำไมผู้นำชุมชนถึงไม่เห็น มีเพียงชาวบ้านตาดำๆที่เห็น จนตนเองนั้นเหลืออดได้โพสต์ลงเพจกลุ่มของชาวเมืองการุ้ง ด้วยความอัดอั้นตันใจ ว่าตนเองนั้นได้เป็นโรคภูมิแพ้ ไหนจะต้องมากลัวไฟไหม้บ้านอีก จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน พร้อมกับจะเดินทางไปแจ้งความที่สภ.เมืองการุ้ง ว่าได้รับความเสียหาย จากที่มีคนเผาอ้อยในครั้งนี้
ขณะที่นางนางธนิสร จิตต์บุญ ผู้เป็นลูก ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะที่ทางหน่วยงาน ได้มีการรณรงค์ห้ามการเผาแล้ว แต่ก็ยังกลับมีคนแอบเผาอ้อยขึ้นอยู่ตลอด ซึ่งไม่น้อยลงเลย และก็ไม่เกรงกลัวกฎหมายที่ออกมาคุมเข้มก่อนหน้านี้
ทั้งนี้สองแม่ลูก ได้ฝากถึงท่านชาดาไทยเศรษฐ์ สังกัดพรรคภูมิใจไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี เขต 2 ช่วยสองแม่ลูกด้วย และชาวบ้านในพื้นที่ช่วยปราบปรามคนที่ลักลอบเผาอ้อย ให้เด็ดขาด พร้อมกับช่วยคุมเข้มกับผู้นำชุมชนพื้นที่ในหมู่บ้าน ว่ามีการเผาอ้อยกันอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อน บางคนถึงต้องดมควัน ดมกลิ่น คันแพ้ จากฝุ่นละออง ///////////////// นายพชร พัสกุล สมาคมสื่อมวลชนจอุทัยธานี
