วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 1/2568 พร้อม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ. ตร. ภ.1 พล.ต.ต.ชญานนท์ มีสติ รอง ผบช. ภ.1 พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.กิตติ สกุณี ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 และพ.ต.อ.จักรพันธ์ โอสถากันต์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยพล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.พัลลบ อร่ามหล้า รอง บชน. และพล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บชน.,นายทิพย์เมษฐ์ สังขวรรณะ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภ.1 และว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ สำนักงาน ปปส. ภ.1 แถลงข่าวจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 3 ราย
พล.ต.ท.สุรพลฯ กล่าวว่าสืบเนื่องมาจาก เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี และสอบสวนขยายผลทราบว่า ยาเสพติดดังกล่าวได้รับมาจากโกดังพักยาเสพติดตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลป่างิ้วอำเภอ เมือง จังหวัดอ่างทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าติดตามตรวจสอบบริเวณโกดังดังกล่าวเรื่อยมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 22.00 นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบพบว่ามีถุงพลาสติกสีดำจำนวนหลายถุงภายในมีสิ่งของบรรจุอยู่ถูกวางไว้ภายในบริเวณโกดังดังกล่าวเชื่อว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในถุงพลาสติกสีดำและมีชาย 4 คนครับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในบริเวณโกดังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงแสดงตัวและเข้าทำการตรวจค้นภายในโกดังผลการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 8,400,000 เม็ดซุกซ่อนมากับขิงที่บรรจุรวมกันอยู่ภายในถุงพลาสติกสีดำเพื่อปิดบังอำพรางจึงทำการจับกุมชายทั้ง 4 รายซึ่งพยายามหลบหนี
จากการสอบถามผู้ต้องหารับสารภาพว่ากำลังเตรียมแพ็คยาเสพติดส่งให้แก่ลูกค้า จึงทำการขยายผลและสามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกค้าขณะนำรถยนต์มารับยาเสพติดได้อีก 1 ราย รวมทั้งสิ้น 5 ราย ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินจากผู้ต้องหาประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือและยานพาหนะ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป สำหรับ ยาเสพติดของ กลางทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ไหมครั้งนี้ หากมีการนำไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วไป จะมีมูลค่ารวมสูงถึง 160,000,000 บาท
รายที่ 2 จับกุมยาเสพติดเครือข่าย”แจ็ค หนองไผ่”พร้อมยาบ้า 3.2 ล้านเม็ด สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 02.30 นเจ้าพนักงานตำรวจสภพัฒนานิคมจังหวัดลพบุรีได้พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ toyota รุ่นวีโก้สีดำเสียหลักตกถนนบริเวณพื้นที่ตำบลดีลังอำเภอพัฒนานิคมจังหวัดลพบุรีภายในรถพบยาบ้าประมาณ 3.2 ล้านเม็ดจึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนสภพัฒนานิคมจังหวัดลพบุรีดำเนินคดีตามกฎหมายและกรณีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 17.30 นเจ้าพนักงานตำรวจสภวิเศษชัยชาญและ กก.สส.ภ.จ.อ่างทอง ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 957,980 เม็ดและ(ไอซ์)น้ำหนัก 1,314,3 กรัม เหตุเกิดที่ตำบลสาวร้องไห้อำเภอวิเศษชัยชาญจังหวัดอ่างทอง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิเศษชัยชาญ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนขยายผลจากทั้ง 2 คดีดังกล่าว ทำให้ทราบว่ายาเสพติดที่พบทั้ง 2 คดีนั้นมีรถยนต์กระบะยี่ห้อ mazda สีขาวตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน ผค 8917 เพชรบูรณ์ เป็นผู้ขนลำเลียงยาเสพติดมาจากเขตอีสานเหนือมาส่งแพร่กระจายในพื้นที่จังหวัดลพบุรีและจังหวัดอ่างทองจึงได้ทำการสืบสวนติดตามพฤติกรรมของรถยนต์กระบะตู้ทึบคันดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 16.30 น. พบรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้าสีขาวตู้ทึบเชื่อว่ากำลังขนลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดเพชรบูรณ์เข้ามายังพื้นที่จังหวัดลพบุรีโดยมีรถยนต์ยี่ห้อ hond mobilio สีขาวทะเบียน กบ.5079 เพชรบูรณ์ ทำหน้าที่รถนำจึงได้ร่วมกันติดตามจนกระทั่งพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้าสีขาวตู้ทึบมาจอดอยู่บริเวณบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่ตำบลโคกลำพรานอำเภอเมืองจังหวัดลพบุรี นายฐาปนพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดลพบุรีทำหน้าที่เก็บรักษายาเสพติดและนำยาเสพติดจำหน่ายในพื้นที่ จังหวัดลพบุรี, นายเฉลิมพล(สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดลพบุรีทำหน้าที่เก็บรักษายาเสพติดแนะนำยาเสพติดจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดลพบุรี, นายเครดิต(สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดจากเขตอีสานเหนือมาส่งในพื้นที่จังหวัดลพบุรี, นายจิรศักดิ์(สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ทำหน้าที่เป็นรถนำระวางขนลำเลียงยาเสพติดพร้อมตรวจยาบ้าประมาณ 3,200,000 เม็ด รถยนต์กระบะยี่ห้อ mazda สีขาวตู้ทึบทะเบียน ผค.8917 เพชรบูรณ์ (รถขนลำเลียง) รถยนต์ยี่ห้อ honda รุ่น mobilio สีขาวทะเบียน กบ.5079 เพชรบูรณ์(รถนำ) รถยนต์ยี่ห้อ isuzu รุ่น MUX สีเทา หมายเลขทะเบียน 6 กม.5011 กรุงเทพฯ โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องและอายัดเงินในบัญชีธนาคารชื่อบัญชีเฉลิมพล(สงวนนามสกุล)จำนวน 521,790,84 บาท นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองลพบุรีดำเนินตามกฎหมาย
ส่วนรายที่ 3 ร่วมกับ บช.ปส.สกัดจากรถลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในได้ไอซ์น้ำหนักประมาณ 2464 กิโลกรัมสืบสวนเรื่องจากเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 06.00 นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. มหาราชได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.ว่าได้ติดตามรถต้องสงสัยเป็นรถยนต์ตู้ทึบจำนวน 2 คัน มีรถนำและรถปิดท้ายขับตามกันมาตามถนนสายเอเชียจากทางภาคเหนือมุ่งหน้าจังหวัดปทุมธานีโดยรถตู้ทึบดังกล่าวต้องสงสัยว่าเป็นรถที่ใช้ในการขนยาเสพติดจึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. มหาราชตั้งจุดตรวจจุดสกัดรถดังกล่าว พ.ต.อ.วุฒิชัย สุคนธวิท ผกก.สภ.มหาราช จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่ตู้ยามต่อ 02 หมู่ 4 ตำบลท่าตอ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อมาในวันเดียวกันเวลาประมาณ 07:00 น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสกัดจับรถยนต์ตู้ทึบ 2 คันพร้อมรถติดตามอีก 1 คันตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากการตรวจค้นรถทั้ง 3 คันพบมีวัตถุเป็นอีกพอมีสิ่งของบรรจุไว้ลักษณะคล้ายยาเสพติดอยู่ในรถยนต์ตู้ทึบทั้ง 2 คันและเมื่อแก่ออกมาพบวัตถุเกร็ดใสคล้ายยาเสพติดวงเล็บไอซ์ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยน้ำยาเคมีพบว่าเป็นไอซ์น้ำหนักประมาณ 2,464 กิโลกรัมพร้อมจับกุมนายวิษณุ(สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปีสัญชาติไทยภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์,นายสุวิทย์(สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปีสัญชาติไทยภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์,นายหล้า (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปีสัญชาติเมียนมาร์พร้อมของกลางรถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้อ isuzu สีขาวทะเบียน ฒศ 6772 กรุงเทพฯรถยนต์กระบะตู้ทึบยี่ห้อ toyota สีขาวทะเบียน 7280 กรุงเทพฯ รถยนต์เก๋งยี่ห้อ toyota สีบรอนซ์เงินทะเบียน ฌต 7915 กรุงเทพฯและยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 2, 464 กก.จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 คนรับว่าคนยาเสพติดมาจากทางภาคเหนือไปส่งที่ตลาดไทจังหวัดปทุมธานีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.ท.สุรพลฯ กล่าวว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามที่ นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนใน 2 เรื่องที่สำคัญได้แก่ ยาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์ อย่างเด็ดขาดและครบวงจร นั้นในส่วนของยาเสพติด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์ ผบ.ตร.พล.ต.อ.ไกลบุญ ทรวดทรง รอง ผบก.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร.และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบก.ตร./ประธานอนุรักษ์กรรมการป้องกันปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนไหนและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตอนในรอบกทม.และปริมณฑลรวม 9 จังหวัดทำการสืบสวนหาข่าวเพื่อทำลายแหล่งพักคอยและรวบรวมยาเสพติดที่ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดนเข้ามายังพื้นที่ตอนในเพื่อรอเตรียมส่งต่อให้กับลูกค้าหรือเรียกกันว่า”โกดัง” โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567-ปัจจุบันตำรวจภูธรภาค 1 ได้จับกุมคดียาเสพติดรวม 9727 คดีผู้ต้องหารวม 9797 คนตรวจยึดของกลางที่สำคัญได้แก่ยาบ้ารวม 35.1 ล้านเม็ด เคตามิน 36 กิโลกรัมและยาอี 273 ,349 เม็ด ทางนี้ตำรวจภูธรภาค 1 จะได้เร่งรัดสืบสวนปราบปรามและ X-ray พื้นที่ ไม่ให้เป็นแหล่งพักคอยรวมทั้งสกัดกั้น ตัดตอนการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ตอนในอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป //////////////// ฅนข่าว อินทรี อินไซต์..รายงาน









