สงคราม ไม่มีรัฐบาลดูแล มีแต่ทหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จและได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย “ผบ.เหล่าทประเทศเกิดสงคราม ไม่มีรัฐบาลดูแล มีแต่ทหารจัดการแบบ
วันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2568,12.47 น. ผอ.ทสส.นำประชุม ผบ.เหล่าทัพ พร้อมไว้อาลัย”ทหาร-ประชาชน” เห็นชอบ”ปิดด่าน” จนกว่ากัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทย เดินหน้าสร้าง”รั้ว” ลั่นยึดหลักป้องกันตนเองกับผู้ที่กระทำเป็น”ปรปักษ์-สอดแนม-โจตี”
กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหาร (คบท) ครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และเสนาธิการทหาร โดยการประชุมครั้งนี้ได้เรียนเชิญคณะผู้บัญชาการทางทหารชุดใหม่เข้าร่วมประชุมด้วย
ก่อนการเริ่มประชุม พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. ได้ขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมยืนไว้อาลัย ทหาร 15 นายที่เสียชีวิต รวมถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้หารือประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นดังนี้
1. การปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา โดย ที่ประชุม คบท. เห็นชอบให้คงสภาพปัจจุบันในการปิดด่าน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือกัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทยอีกต่อไป
2. เห็นว่าปัจจุบันกัมพูชายังถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ จึงจัดทำรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีข้อสรุปสำหรับการสร้างรั้วชายแดน เห็นควรสร้างในพื้นที่เส้นเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว สำหรับนายพื้นที่ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จะใช้มาตรการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจอย่างต่อเนื่องรวมทั้งให้มีการสร้างเส้นทางยุทธวิธีตลอดแนว
3. แนวทางดำเนินการต่อการละเมิดอธิปไตยของไทย โดยมีข้อสรุปดังนี้คือ การดำเนินการตามกฎหมายใช้กำลังสากล (ROE-Rules of Engagement) เมื่อการกระทำเข้าข่ายการกระทำที่เป็นปรปักษ์ (Hostile Act) หรือเจตนาที่เป็นปรปักษ์ (Hostile lntent) โดยเฉพาะหากเป็นการสอดแนมหรือเตรียมโจมตี ซึ่งตามกฎหมายใช้กำลัง สามารถใช้เป็นเหตุเริ่มการป้องกันตนเองได้ โดยได้วางมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ทางนี้ได้นำเสนอแนวทางการปฏิบัติไปอย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว
/////////////// คนข่าว รายงาน..




